الاثنين، 26 يوليو 2010

คำศัพท์ภาษาอาหรับ คำอ่าน และคำแปล 2
41. رسول - รสูล คือบุคคลที่พระเจ้าเลือกสรรให้มาทำหน้าที่“สื่อ”โองการของพระองค์ให้แก่มนุษยชาติมักจะมีผู้แปลว่า รสูล คือ “ผู้สื่อ”หรือ “ศาสนฑูต”ตามปกติมักจะเรียกว่า รสูลุลลอฮฺ หรือ ศาสนฑูตแห่งอัลลอฮ์ ในอัล-กุรอานมีนามของรสูลบันทึกไว้จำนวน 25ท่าน เช่น มูฮัมมัด พระเยวู (อีซา) โมเสส (มูซา) สุลัยมาน (โซโลมอน) อับราฮัม (อิบรอฮีม) เป็นต้น

42. صلاة - เศาะลาฮฺ คือ ละหมาด เป็นการเคารพภักดีต่อพระเจ้าอย่างหนึ่งถือเป็นหน้าที่ที่มุสลิมทุกคนจะต้องทำวันหนึ่งมีกำหนด 5 เวลาละหมาดเป็นเสมือนการเข้าเฝ้าพระเจ้าละหมาดจะช่วยยับยั้งความชั่ว ถ้าบุคคลปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอมีสมาธินอบน้อมต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง ที่จริงละหมาดคือวิธีการขัดเกลาและฝึกฝนจิตใจรูปแบบหนึ่งละหมาดไม่ใช่การสวดมนต์ดังที่ศาสนิกอื่นเข้าใจ

43. صلى الله عليه وسلم – คือ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม แปลว่าขอความโปรดปรานของอัลลอฮ์ และสันติสุขจงมีแด่ท่าน (ศาสนทูตมุฮัมมัด ) เป็นพรภาวนาที่มุสลิมกล่าวต่อท้ายเมื่อกล่าวถึงนามของศาสนทูตมุฮัมมัด

44. صيام – ศิยาม คือ การแสดงความเคารพต่อพระเจ้าในรูปแบบหนึ่งซึ่งอิสลามบังคับให้เป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน ภาษาอาหรับเรียกว่า “เศามฺ”คือการอดอาหารเครื่องดื่มการประพฤติที่ไม่ดีไม่งาม การพูดในทางเสียหาย ตลอดจนการ่วมประเวณีและสิ่งไร้สาระทั้งปวงมีกำหนดตั้งแต่แสงอรุณขึ้นจนดวงอาทิตย์ตก ศีลอดที่บังคับให้ปฏิบัติปีหนึ่งมีกำหนดหนึ่งเดือน คือในเดือนรอมฎอน ศีลอดจะช่วยสอนให้บุคคลรู้จักความหิวโหยและรู้จักความอดทนความข่มใจที่จะไม่กระทำผิดบาป

45. سبحانه وتعالى - สุบหานะฮู วะตะอาลา คือ ความบริสุทธิ์ และความสูงสุดยิ่งแด่พระองค์ เป็นสร้อยสรรเสริญที่มุสลิมกล่าวหลังจากเอ่ยพระนามของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเป็นการเตือนตัวเองมิให้เผลอทำการ“ชิรกฺ”หรือตั้งภาคีแก่พระองค์

46. سبحان الله - สุบหานัลลอฮฺ คือ คำสรรเสริญพระเจ้า แปลว่าความบริสุทธิ์มีแก่พระองค์อัลลอฮ์

47. صدقة - เศาะดะเกาะฮฺ คือ มาจากรากศัพท์ว่า “ศอดกฺ”แปลว่า สัตย์จริง หรือชอบธรรมในทางศาสนา หมายถึง การทำทานการบริจากที่ให้บุคคลทำด้วยความสมัครใจ

48. صحابة - เศาะหาบะฮฺ คือ สหายหรือสาวกของท่านนบีมุฮัมมัด นักปราชญ์มุสลิมอธิบายว่าบุคคลเหล่านี้ได้แก่ ผู้ที่เข้ารับอิสลามเคยเห็นท่านศาสนทูตและเคยติดตามท่านแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตามมีผู้บันทึกว่าขณะที่ท่านศาสนทูตเสียชีวิตมีเศาะหาบะฮฺทั้งสิ้น 144,000 ท่าน จำนวนนี้รวมทั้งบุคคลที่เคยเป็นผู้ติดตามท่านและบุคคลที่เคยเห็นท่านจริง ๆ

49. سنة - สุนนะฮฺ ตามรากศัพท์แปลว่า วิถีทางครรลอง หรือวิถีชีวิตในทางศาสนาแล้วหมายถึงแบบอย่างพฤติกรรมของท่านศาสนทูตมุฮัมมัด ซึ่งมุสสลิมถือว่ามีความสำคัญรองลงมาจากอัล-กุรอานเป็นตัวอย่างการดำเนินชีวิต (ตามคำภีรอัล-กุรอาน) ในภาคปฏิบัติที่มุสลิมพยายามเจริญรอยตามสุนนะฮฺของท่านศาสนทูตมุฮัมมัด ประกอบด้วยโอวาท และการกระทำของท่านตลอดจนสิ่งที่เหล่าสาวกของท่านพูดหรือกระทำแล้วท่านให้การยอมรับ

50. حديث - หะดีษ คือ คำพูดหรือโอวาทของท่านศาสนทูตมุฮัมมัด เหล่าสาวกของท่านที่ได้ยิน หรือได้ประสบก็จะถ่ายทอดกันต่อๆ ไปจากคนหนึ่งเล่าต่อไปยังอีกคนหนึ่งจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่งเป็นสายรายงานที่สืบเนื่องไปจนกระทั่งมีนักปราชญ์ทางศาสนาทำการบันทึกรวบรวมและกลั่นกรองเอาแต่หะดีษที่ถูกต้องมาใช้เป็นบรรทัดฐานในทางกฎหมาย เช่น การบันทึกของอิมามบุคอรีย์ อิมามมุสลิม หรืออิมามอะหมัดเป็นต้น

51. حجاب - หิญาบ คือ ตามรากศัพท์ แปลว่า ผ้าม่านในทางศาสนาหมายถึงระบบการแบ่งแยกชาย และหญิงออกจากกัน หิญาบเป็นสถาบันทางสังคมอย่างหนึ่งในอิสลามหิญาบยังหมายถึงเสื้อคลุมสำหรับสตรีสวมใส่เมื่อออกจากบ้าน (ดูรายละเอียดในหนังสือ บทที่ 2)

52 حياء - หะยาอ์ คือ ความละอาย เป็นมโนธรรมประการหนึ่งในอิสลามเป็นแนวความคิดเรื่องความละอาย การถ่อมตัว ความสงบเสงี่ยม และการรักนวลสงวนตัว

53. حرام - หะรอม คือ ตามตัวอักษร แปลว่าห้ามหรือไม่อนุมัตินั่นก็คือเป็นที่ต้องห้ามหรือผิดหลักกฎหมายในศาสนาอิสลาม เช่น การดื่มสุราเป็นหะรอม การผิดประเวณีเป็นหะรอม เป็นต้น

54. حلال - หะลาล คือ ตามตัวอักษร แปลว่าสิ่งที่หลวมหรือหลุดลุ่ยนั่นก็คือเป็นที่อนุมัติหรือถูกต้องชอบธรรมตามหลักกฎหมายในศาสนาอิสลาม หะลาลเป็นสิ่งตรงข้ามกับหะรอม

55. أمانة - อะมานะฮฺ คือ ตามตัวอักษรแปลว่า ของฝาก หมายถึงภาระที่ได้รับมอบหมาย หรือหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะต้องรักษาไว้โดยเคร่งครัดมุสลิมมีอะมานะฮฺทั้งต่อมนุษย์และพระเจ้า

56. أمير - อะมีรฺ คือตำแห่งประมุขหรือผู้นำที่มีอำนาจ เช่น ผู้ปกครอง ผู้บังคับบัญชา อะมีรฺรวมความถึงเจ้าพนักงานในระดับสูงของรัฐมุสลิมด้วย

57. أنصار - อันศอรฺ คือ ผู้ช่วยเหลือตามประวัติศาสตร์อิสลามชาวเมืองยัธริบ (มะดีนะฮฺ) เมื่อเข้ารับอิสลามแล้วจึงเรียกว่าเป็น “ชาวอันศอร.”ซึ่งหมายถึงการที่คนกลุ่มนี้ให้ความช่วยเหลือและสสงเคราะห์มุสลิมที่อพยพมาจากเมืองมะกกะฮฺ (มุฮาญิรีน)

58. القرآن - อัล-กุรฺอาน คือ คำภีร์อันสูงสุดของมุสลิม มุสลิมถือว่าอัลกุรอานเป็นธรรมนูญแห่งการดำเนินชีวิต เป็นพระดำรัสของพระเจ้าที่ประทานมายังท่านศาสนทูตมุฮัมมัด เพื่อเป็นทางนำแก่มนุษยชาติปัจจุบันอัล-กุรอานยังคงเดิมไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแม้เวลาจะผ่านมา 1,400 กว่าปีแล้วก็ตามมุสลิมอ่านอัล-กุรอานเพื่อดูว่าพระเจ้าสั่งให้เขาทำอะไรบ้าง อัล-กุรอานคือน้ำพุแห่งชีวิตเป็นยารักษาโรค (ในจิตใจ) และเป็นทางออกของปัญหาต่าง ๆ

59. الله - อัลลอฮฺ คือพระนามของพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาลหรือ “พระเจ้า”ในภาษาอาหรับพระองค์เป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวงเนื่องด้วยมนุษย์ถูกสร้างโดยอำนาจของพระองค์มนุษย์จึงมีความผูกพันกับการแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ ตลอดจนดำเนินชีวิตอยู่บนแนวทางที่พระองค์ทรงรับรอง(อิสลาม) ทั้งนี้เพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์

60. الله أكبر - อัลลอฮุอักบัร คือ คำสดุดีพระผู้เป็นเจ้ามีความหมายว่า อัลลอฮฺ พระผู้ทรงเกรียงไกร
61. الحمدلله - อัลหัมดุลลิลาฮฺ คือ คำสรรเสริญขอบคุณพระเจ้าแปลว่าบรรดาการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ

62. آخرة - อาคิเราะฮฺ คือ วันสุดท้าย วันแห่งการพินาศแตกสลายของสิ่งต่างในวันนั้นพระเจ้าจะทำลายทุกสรรพสิ่ง สิ่งมีชีวิตที่เป็นอยู่จะตายไป อาคิเราะฮฺมักจะมีผู้แปลว่าปรโลก

63. آدم - อาดัม คือนามของมนุษย์คนแรกในอิสลาม อาดัมเป็นศาสนทูตท่านแรกของพระเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน แต่อิสลามไม่ได้เชื่อว่ามนุษย์มีบาปติดตัวมาเพราะการที่มนุษย์คนแรกไปหลงรับประทานผลไม้ต้องห้าม (ฝรั่งบอกว่าเป็นลูกแอปเปิ้ล) อาดัมเมื่อสำนึกผิดก็ได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้า

64. آمين - อามีน คือคำลงท้ายในบทขอพรที่มุสลิมวิงวอนขอต่อพระเจ้า อามีนแปลว่าขอพระองค์ทรงโปรดเทอญ

65. آية - อายะฮฺ ตามตัวอักษรแล้วแปลว่าสัญญาณ คำนี้ถูกนำมาใช้กับวรรคตอนในซูเราะฮฺ (บท) ของอัล-กุรอาน ซึ่งมักจะแปลเป็นภาษาไทยว่า “โองการ”เช่น ถ้าเขี่ยนว่า 2:10 ให้หมายถึงบทที่ 2 โองการที่ 10 มีผู้ประมาณว่า อัล-กุรอานมีอยู่ทั้งหมด 6,200 อายะฮฺด้วยกัน

66. عبادة - อิบาดะฮฺ มาจากรากศัพท์ว่า “อับดุน” (บ่าวทาส) หมายถึงการยอมทำตามเพื่อความพึงพอใจของผู้เป็นนายมีผู้แปลเป็นภาษาไทยว่า “การแสดงความเคารพภักดีต่อพระเจ้า” อิบาดะฮฺในทางศาสนามีความหมายกว้างขวางมาก สรุปได้ว่าการทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้พระเจ้าโปรดปรานและอยู่ในครรลองของพระองค์ จัดได้ว่าเป็นอิบาดะฮฺทั้งสิ้น เช่น การละหมาด การบริจาคช่วยเหลือ การต่อสู้ของนักรบชาวอัฟกานิสถาน การสอนหลักธรรมแก่ผู้อื่น สรุปได้ว่าอิบาดะฮฺมีทั้งที่เป็นรูปแบบและไม่เป็นรูปแบบแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องทำความบริสุทธิ์ใจเป็นที่ตั้ง

67. إمام - อิมาม ได้แก่ผู้นำหรือแบบอย่าง ตัวอย่างสำหรับการปฏิบัติตามอิมาม ณ ที่นี้มิได้หมายถึงอิมามนำละหมาดรวมอย่างเดียว แต่หมายถึงผู้นำของชุมชนมุสลิมเป็นศูนย์รวมทางจิตใจเป็นที่ปรึกษา เป็นผู้คอยชี้แนะ และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่สามารถแก้ไขปัญหาและเรื่องราวต่างๆ ให้กับสมาชิกในชุมชน

68. عدة - อิดดะฮฺ มาจากรากศัพท์ว่า “อัล-อะดาด”ซึ่งหมายถึง จำนวนในทางกฎหมายได้แก่ ช่วงแห่งการรอคอยของผู้หญิงเพื่อประวิงการแต่งงานใหม่หรือเพื่อเกื้อหนุนการปรองดอง อิดดะฮฺของหญิงม่ายเพราะสามีเสียชีวิตมีกำหนด 4 เดือน 10 วัน อิดดะฮของหญิงมีครรภ์กำหนดจนกระทั่งเธอคลอดบุตรออกมา อิดดะฮฺของสตรีที่ยังมีระดูมีกำหนด 3 เดือน และสตรีที่พ้นวัยการมีระดูกำหนด 3 เดือนเช่นกัน

69.إن شاء الله - อินชาอัลลอฮฺ คือคำพูดที่มุสลิมแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในพระเจ้า และมอบความไว้วางใจต่อพระองค์โดยถือว่า “หากพระองค์ทรงประสงค์” แล้วสิ่งที่หวังไว้คงจะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

70. إسلام - อิสลาม คือสันติ หรือการยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระเจ้าโดยสิ้นเชิงอิสลาม คือนามของระบอบการดำเนินชีวิตแบบหนึ่งที่พระเจ้าทรงรับรองในอิสลามมีมากกว่าศาสนาธรรมดาๆ อิสลามเข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตในทุกแง่มุม อาทิ การเมือง สังคม เศรษฐกิจการศึกษา และวัฒนธรรม

71. إيمان - อีมาน คือ ความเชื่อ ความศรัทธา อย่างไรก็ตามในอิสลามความศรัทธาจะต้องควบคู่กับการปฏิบัติ ยิ่งปฏิบัติคุณความดีมากขึ้นศรัทธาก็ยิ่งจะเพิ่มมากขึ้น

72. أمة - อุมมะฮฺ คือประชาชาติของพี่น้องมุสลิมที่ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน เรียกกันหลายอย่าง เช่น อุมมะฮฺอิสลาม อุมมะฮฺมุสลิม เป็นต้น คำนี้ปรากฏในอัล-กุรอาน ประมาณ 40 ครั้งด้วยกัน

73. علماء - อุละมาอ์ มาจากคำว่า “อาลิม” ซึ่งหมายถึงบุคคลที่ทรงไว้ซึ่งความรู้ผู้คงแก่เรียน นักปราชญ์ อาลิมเป็นรูปเอกพจน์ อุละมาอ์ เป็นพหูพจน์

74. عورة - เอาเราะฮฺ คือร่างกายบางส่วนที่ศาสนากำหนดให้ปกปิดเช่น ชายเอาเราะฮฺอยู่ตั้งแต่สะดือจนถึงหัวเข่า สำหรับหญิงตลอดร่างกายยกเว้นใบหน้าและฝ่ามือเท่านั้น

75. هجرة - ฮ.ศ. ย่อมาจากคำว่า “ฮิจเราะฮฺศักราช”คำว่า ฮิจเราะฮฺ แปลว่า การอพยพหรือการลี้ภัย มุสลิมเริ่มนับศักราชในปีที่ท่านศาสนทูตมุฮัมมัด อพยพจากเมืองมักกะฮฺไปยังเมืองมะดีนะฮฺ ปัจจุบันตรงกับ ฮ.ศ.1429

76. حج - หัจญ์ คือ การเดินทางไปเยี่ยมเยือนบัยตุลลอฮฺ (วิหารของอัลลอฮ์ ) เป็นการชุมนุมสันนิบาตสำหรับประชาติมุสลิม ณ มักกะฮฺ ประเทศซาอุดิอารเบียเป็นหลักปฏิบัติประการหนึ่งที่บังคับแก่ผู้ที่มีความสามารถส่วนมากมักจะมีผู้แปลว่าการแสวงบุญ